
ถ่ายทอดกำลังโดยการคับปลิ้ง(Coupling) หรือที่เรียกว่ายอย(เพลากลาง)
ถ่ายทอดกำลังโดยใช้เพลา
ถ่ายทอดกำลังโดยใช้ลูกเบี้ยว
ถ่ายทอดกำลังโดยใช้สายพาน
ถ่ายทอดกำลังโดยใช้โซ่
ถ่ายทอดกำลังโดยใช้น้ำมัน
ถ่ายทอดกำลังโดยใช้สาย เช่น สายเบรกมือ, สายคลัตช์(ในรถบางรุ่น)
ชนิดของสายพานที่ใช้ในรถยนต์
สายพานแบบ V (V-Belts) ขนาดที่ใช้กันส่วนมากคือ 9.5 และ 12.5 เช่น 9.5*1000
9.5 คือ ความกว้างของสันสายพานด้านนอก (มม.)
1000 คือ ความยาวด้านนอกของสายพาน (มม.)
สายพานแบบร่อง V (V-Multi-Ribbed Belts) ส่วนมากที่ใช้กันจะมี 3-6 ร่อง(3PK-6PK) ตัวอย่างเช่น 4PK870
4 คือ เป็นสายพานแบบ 4 ร่องฟัน
PK คือ ขนาดมาตรฐานของสายพาน (section) แบบ PK
870 คือ ความยาวของสายพานด้านนอก มีหน่วยเป็นมิลลิเมตร
สายพานแบบ Synchronous (Synchronous Drive Belts) จะเป็นสายพานในรูปแบบของสายพานไทม์มิ่ง
คุณสมบัติของสายพานที่ดี
ทนต่อน้ำมันเครื่อง
ทนความร้อนได้สูง
ยืดหยุ่นได้ดี
ไม่นำไฟฟ้า
สิ่งที่ควรตรวจสอบเกี่ยวกับสายพาน
รอยแตก ฉีดขาด
ความตึง-หย่อน
เสียงดังที่เกิดจากลูกปืนลูกลอกสายพาน
เสียงดังจากตัวสายพาน
เกิดเสียงดังขณะติดเครื่องยนต์ใหม่ๆ และดังสักพักหนึ่งแล้วเงียบไปเมื่อเครื่องร้อนแสดงว่าสายพานแห้ง ให้เปลี่ยนใหม่
แก้เสียงดังจากสายพานได้โดยใช้สบู่ถูที่บริเวณด้านข้างของสายพานให้ทั่ว

การใส่สายพานที่ผิดและสภาพสายพานที่หมดอายุ
ผลจากการที่สายพานหย่อน
ถ้าสายพานหย่อนเกินไปจะทำให้มีเสียงดังขณะเร่งเครื่อง
ปั๊มน้ำหมุนช้า ทำให้เครื่องยนต์ร้อน
ไดชาร์ทหมุนช้าทำให้ไฟชาร์จเช้าแบตเตอรี่ไม่เพียงพอ
ต้องใช้แรงในการเหยียบเบรกมากขึ้น (สำหรับรถยนต์เครื่องดีเซล)
ไม่ควรปล่อยให้สายพานชำรุดจนขาดแล้วจึงทำการเปลี่ยน
ตัวอย่างชนิดของสายพานรถยนต์ต่างๆ
สายพานร่อง V แบบ A และ M เป็นสายพานที่ใช้ถ่ายทอดกำลัง ที่ใช้อย่างแพร่หลายที่สุด ส่วนใหญ่จะมีขนาดหน้ากว้าง 9.5 และ 12.5 มิล





ที่มา :http://www.techniccar.com