น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 คืออะไร?
คือน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์
ที่เกิดจากการผสมระหว่าง น้ำมันเบนซิน 80% กับ แอลกอฮอล์20% (เอทานอล) หรือเรียกโดยย่อว่า E20 โดยรถที่สามารถใช้แก๊สโซฮอล์ E20
จะสามารถใช้น้ำมันเบนซิน ออกเทน 95, น้ำมันเบนซินออกเทน 91 และน้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอล์(E10) ได้อีกด้วย
ประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับจากกาใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์
E20 คืออะไร?
ความประหยัด
เนื่องจากน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 จะมีราคาถูกกว่าน้ำมันเบนซินออกเทน 95
และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E10
ราคารถยนต์ถูกลง
รถยนต์ที่ผลิตมาเพื่อรองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 จะมีราคาถูกกว่ารถยนต์ทั่วไป เนื่องจากภาษีสรรพสามิตที่ลดลง
ประโยชน์ด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม
ด้านเศรษฐกิจ
ลดการพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงจากต่างประเทศ
ทำให้ประเทศมีความมั่นคงทางด้านพลังงาน ลดการขาดดุลการค้า โดยทุกลิตรของน้ำมัน E20
สามารถลดการนำเข้าน้ำมันลง 20%
ก่อให้เกิดการลงทุนเพิ่มเติมในภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม
เกิดการจ้างงานทั้งทางตรงและทางอ้อมช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการปลูกพืชที่ใช้ผลิตเอทานอล
ประหยัดรายจ่ายภาคครัวเรือน
เนื่องจากรถยนต์ E20 และน้ำมัน E20 ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐฯ
จึงทำให้ E20 เป็นน้ำมันเบนซินที่มีราคาถูกที่สุด
ด้านสิ่งแวดล้อม
ลดมลพิษทางอากาศ
และแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม เนื่องจากเอทานอลเป็นผลิตผลธรรมชาติ
ที่สามารถย่อยสลายได้โดยไม่เกิดมลพิษตกค้าง
ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์
ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดภาวะโลกร้อน และวิกฤตการณ์ธรรมชาติแปรปรวน
การใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์มีผลดีอย่างไร
และทำไมต้องใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์?

ด้านเครื่องยนต์
ช่วยการเผาไหม้สมบูรณ์ จึงทำให้อัตราเร่งดีขึ้น
ด้านเศรษฐกิจ
เอทานอลผลิตจากพืชผลทางการเกษตรภายในประเทศ ที่นำมาผสมกับน้ำมัน เบนซิน
เพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน จึงลดการนำเข้าเชื้อเพลิงจากต่างประเทศปีละ 3 พันล้าน ทั้งยังช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น
ด้านสิ่งแวดล้อม
เอทานอลผลิตจากพืชผลทางการเกษตร ช่วยลดมลพิษทางอากาศและแก้ไขปัญหา สภาพแวดล้อม
รถยนต์ที่สามารถใช้ E20 ได้
รถยนต์ส่วนใหญ่รุ่นที่ผลิตตั้งแต่ปี 2008 จะผลิตให้รองรับน้ำมัน E-20 ได้ อาทิ












ข้อแตกต่างของแก๊สโซฮอล์ธรรมดา กับ
แก๊สโซฮอล์ E20
“ผศ.ดร.จำนง สรพิพัฒน์
ประธานสายวิชาพลังงาน บัณฑิตวิทยาลัย ร่วมด้านพลังงาน และสิ่งแวดล้อม (JGSEE)
ให้คำแนะนำเกี่ยวกับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ว่า ปัจจุบันแก๊สโซฮอล์
ที่มีใช้อยู่ ในประเทศไทยเป็นแก๊สโซฮอล์ E10
ซึ่งมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ 10%
ด้วยคุณสมบัติหลายประการที่ใกล้เคียงกับน้ำมันเบนซิน จึงสามารถนำแอลกอฮอล์
มาผสมเพื่อทดแทนส่วนของน้ำมันได้บางส่วน โดยไม่มีผลกระทบต่อ
สมรรถนะของรถยนต์มากนัก”
“อย่างไรก็ดี
การเพิ่มสัดส่วนของแอลกอฮอล์ ในน้ำมันอีก 10% กลายเป็นแอลกอฮอล์
20% (ที่ เหลือเป็นน้ำมันเบนซิน 80%) ทำให้คุณสมบัติของเชื้อเพลิงในส่วนที่เป็นองค์ประกอบ
ของแอลกอฮอล์ ซึ่งแตกต่างจากน้ำมันปรากฏมากขึ้น
จึงอาจมีปัญหากับเครื่องยนต์และรถบางรุ่น”
“แอลกอฮอล์บริสุทธิ์มีคุณสมบัติเด่นหลายประการที่ต่างจากน้ำมันเบนซิน
เช่น จุดเดือด ของแอลกอฮอล์จะต่ำกว่าน้ำมันทำให้มีแรงดันไอมากกว่า
ซึ่งจะมีปัญหากับรถบางรุ่น
โดยเฉพาะรถรุ่นเก่าที่ใช้คาร์บิวเรเตอร์ที่มีถังน้ำมันติดตั้งห่างจากตัวเครื่องยนต์มากเกินไป
หรือรถยนต์ที่มีขนาดของท่อเชื้อเพลิงที่เล็กเกินไป”
“ทำให้แอลกอฮอล์ที่อยู่ในท่อเชื้อเพลิงเปลี่ยนสภาพจากของเหลวเป็นไอได้ง่าย
เนื่องจากความฝืดของท่อมีมากเกินไป ทำให้มีลักษณะเป็นฟองอยู่ในท่อดูดเชื้อเพลิง”
“ส่งผลให้การหมุนของเครื่องยนต์มีความเร็วรอบไม่สม่ำเสมอ
เครื่องจะกระตุกหรือดับ ในบางช่วง นอกจากนี้ แอลกอฮอล์ยังมีคุณสมบัติกัดกร่อนสูง
ยิ่งสัดส่วนของแอลกอฮอล์ ในน้ำมันมากขึ้น
จะยิ่งเพิ่มคุณสมบัติการกัดกร่อนให้เพิ่มมากขึ้นด้วย ซึ่งสามารถกัดกร่อนยาง
พลาสติกบางชนิด และโลหะประเภททองเหลือง ทองแดง”
“ดังนั้น
รถยนต์ที่มีอะไหล่เป็นยาง หรือโลหะทองเหลือง ทองแดงที่ไม่ได้รับการออกแบบ
และผลิตออกมาให้ทนต่อการกัดกร่อนของแอลกอฮอล์เป็นพิเศษ จะไม่สามารถทนต่อ
การกัดกร่อนได้ อาจส่งผลให้ท่อส่งน้ำมันไปจนถึงถังน้ำมันเกิดการผุกร่อน
จนทะลุได้ภายในระยะเวลาประมาณครึ่งปี-1 ปี”
“ด้วยเหตุนี้รถยนต์ที่สามารถใช้เชื้อ
เพลิงแก๊สโซฮอล์ E20 ได้ จึงต้องเป็นรถที่ผลิตด้วยยาง
หรือพลาสติกที่ทนต่อการกัดกร่อนได้ รวมถึงต้องออกแบบองศาการจุดระเบิด
ให้เหมาะสมกับเชื้อเพลิงด้วย เพื่อให้ เชื้อเพลิงสามารถเผาไหม้ได้
อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น