วันพุธที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2556

การเลือกซื้อรถมือสอง


การเลือกซื้อรถ
1. ดูลักษณะการใช้งาน เพื่อเลือกประเภทรถที่จะซื้อ
2 ตั้งงบประมาณ
3. เช็คราคารถ โดยเลือกรถจากองค์ประกอบของ 1 และ 2
4. ศึกษาข้อมูลต่างๆของรถรุ่นนั้นๆ เพื่อที่จะได้ตัดสินใจในการซื้อ ทั้งเรื่องการดูแลรักษา อะไหล่ อัตราการสิ้นเปลือง
5. หาแหล่งที่จะซื้อรถ ซึ่งมีทั้งรถบ้าน และรถเต็นท์ โดยดูทั้งจากสื่อต่างๆ สิ่งพิมพ์ อินเตอร์เน็ต
6. ศึกษาวิธีการดูรถ หรือถ้าจะไปดูรถควรให้ผู้ชำนาญไปช่วยดู
7. เช็คเอกสารต่าง ๆ ให้พร้อมที่จะทำการโอนกรรมสิทธิ์


10 วิธีง่ายๆ ดูรถมือสองก่อนจะซื้อ
1. ส่วนภายในด้านหน้าและระบบไฟฟ้า เมื่อเราได้ลองนั่งที่นั่งคนขับ ทุกส่วนที่อยู่ในแผง Console เราต้องตรวจสอบว่าทุกอย่างสามารถทำงานได้ดีหรือไม่
2.
ส่วนภายในด้านหลังและระบบการทำงาน ส่วนใหญ่บริเวณนี้ก็คงต้องตรวจสอบสภาพเบาะภายใน อุปกรณ์ที่มีอยู่ด้านหลัง
3.
ตรวจสอบตัวถังรถ สำหรับบางท่านที่ไม่คุ้นเคยอาจจะยากสักหน่อย แต่เคล็ดลับง่าย ๆ หาเพื่อนที่ใช้รถ รุ่นที่เราหมายตาไว้ ให้ช่วยดูให้ ด้วยความคุ้นเคยเพื่อนจะสามารถบอกเราได้ถึงร่องรอยที่ผิดปกติ แต่ถ้าหาคนรู้จักไม่ได้ ก็คงต้องอาศัยผู้ขายที่มีมาตรฐานไว้ใจได้เท่านั้น
4.
เปิดฝากระโปรงหน้า คราวนี้ดูจะยากขึ้นไปอีกขั้น แต่เบื้องต้นดูง่าย ๆ ว่ามีคราบน้ำมันรั่วซึมอยู่หรือไม่ ที่ชี้ให้คุณรู้ว่าคุณกำลังซื้อรถมาขับ หรือซื้อมาซ่อม ถ้าจะให้ดีหาคนที่มีความรู้ไปช่วยจะดีกว่ามาก
5.
ยกรถขึ้น ขั้นตอนนี้ต้องใช้เครื่องมือเข้าช่วย แต่ถึงอย่างไรก็สำคัญมากที่สุด ต้องตรวจดูทุกจุดที่อยู่ใต้ท้อง เพราะนั่นหมายถึงชีวิตและทรัพย์สินของคุณทีเดียว
6.
เดินเครื่องยนต์ สำรวจฟังเสียงรบกวน ลองหมุนพวงมาลัยดูราบลื่นดีหรือไม่ ฟังเสียงที่เกิดขึ้น ช่วงนี้ตรวจสอบระบบเกียร์ดูว่าผิดปกติหรือไม่ เพราะเป็นระบบที่เสียค่าใช้จ่ายสูงมากหากเกิดเสียขึ้นมา
7.
ประตูหลัง ท้ายรถ ตรวจการทำงาน ดูอุปกรณ์ประจำรถ จุดนี้สามารถดูได้ว่ารถเคยถูกชนหลังหรือไม่ และอุปกรณ์ทำงานได้อย่างดีหรือเปล่า
8.
ขับทดสอบ คงเป็นไปได้ยากถ้าคุณจะต้องตัดสินใจซื้อรถโดยไม่ทำการทดสอบเสียก่อน การขับทดสอบก็เพื่อดูระบบเกียร์ ระดับเสียงรบกวน ระบบเบรก ล้อและช่วงล่าง รวมทั้งการทำงานของหน้าปัดบอกความเร็วและระยะทาง
9.
หลังลองขับ แล้วกลับมาดูใต้ท้องใหม่อีกครั้ง ว่ามีรอยรั่วซึม หรือชำรุดที่ใต้ท้องหรือไม่
10.
ขาดไม่ได้เลย   คือเอกสาร คู่มือผู้ใช้ สมุดทะเบียน การตรวจสอบประวัติบริการ กุญแจ รีโมท
ข้อควรระวังเกี่ยวกับเรื่องเอกสารการซื้อ-ขาย รถยนต์มือสอง


1. ขั้นตอนการตรวจสอบประวัติรถยนต์เบื้องต้น
การตรวจสอบประวัติรถยนต์มือสองเบื้องต้นนั้น แบบง่ายๆ และไม่ต้องไปจ้างใครให้เข้ามาตรวจสอบให้เสียเงินเสียทอง เริ่มต้นง่ายๆ เมื่อเราเจอรถที่หมายปอง คาดว่าจะซื้อไว้ใช้ หรือไว้ขายก็ตาม ให้เราตรวจสอบเลขตัวถัง และเลขเครื่องยนต์ ว่าตรงในเล่มทะเบียนที่ขนส่งออกหรือเปล่า ตรวจสอบยี่ห้อและรุ่นรถ ชื่อผู้ครอบครองว่าเป็นคนเดียวกันกับในเล่มทะเบียนหรือเปล่า พร้อมขอดูบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริง ตรวจสอบหมายเลขทะเบียนรถยนต์ว่าตรงเล่มหรือเปล่า ตรวจดูสภาพเล่มทะเบียนและเอกสารการขอเล่มใหม่มามั๊ย และตรวจสอบลำดับผู้ครอบครองครั้งแรกว่าชื่ออะไร หากเป็นไฟแนนซ์ครอบครองให้ดูวันที่ลงระบุในเล่ม เพื่อจะได้ทราบชัดเจนในเรื่องการลากทะเบียนป้ายแดงมานานแค่ไหนจะได้รู้อายุรถอย่างแท้จริง ตรวจสอบข้อมูลการต่อทะเบียนเสียภาษีด้านหลังเล่มทะเบียน พร้อมเทียบเคียงป้ายวงกลมด้านหน้ารถว่าใช่ยี่ห้อทะเบียน วันต่อ นั้นๆ จริงไหม แล้วลองมองดูป้ายทะเบียนหน้ารถและท้ายรถ ว่ามีสัญญลัษณ์ "ขส" ที่มุมขวาล่างหรือเปล่า สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ล้วนเป็นการตรวจสอบทั่วไปเบื้องต้นที่ทุกๆ ท่านควรทราบและควรทำก่อนการตัดสินใจซื้อการตรวจ บุ๊ค เซอร์วิส ก็สำคัญระดับนึง หากรถคันดังกล่าวเป็นมือเดียว และอายุการใช้งานน้อยๆ อยู่ที่ 2-3 ปี ควรตรวจอย่างยิ่ง เพราะไม่มีเหตุผลใดเลย ที่เจ้าของจะไม่เอาเข้าศูนย์เพื่อรับบริการด้านการรับประกันในระยะที่กำหนด พร้อมสอบถามเจ้าของเก่า ว่าศูนย์ที่เอาเข้าบ่อยๆ ช่วงออกรถแรกๆ คือที่ใด และศูนย์ที่เอาเข้าตรวจสอบล่าสุด ที่ได้ แล้วคุณลองยกโทรศัพท์โทรเช็คเลย แล้วดูสิว่าข้อมูลเรื่องระยะทางตรงกันมั๊ย ข้อมูลรับประกันหมดหรือยัง แต่ต้องแจ้งทะเบียนรถด้วยนะ ลองเปรียบเทียบดู ไม่ใช่รถวิ่ง 50
,000 โลแต่เข้าศูนย์ครั้งล่าสุดที่ 98,000 โล อันนี้ขัดแย้ง แถมยังใกล้ตรวจสภาพ 100,000 โล ดังนั้นมันจะทำให้คุณ Set รถผิดระบบที่ควรเป็น แทนที่จะถึงคราวต้องเปลี่ยนสายพาน ทามมิ่ง กลับเห็นกิโลว่ายังไม่ถึง ทำให้คุณๆ หลายท่าน ต้องตะแบงใช้รถไปเรื่อยๆ จนเกิดความเสียหายของเครื่องยนต์

2. ตรวจสอบรถเรื่องคดีความเบื้องต้น
          ข้อนี้ หลายคนคงคิดว่าคงต้องจ้าง หรือให้ผู้มีเส้นสายตรวจสอบให้ ในเบื้องต้นนั้น ให้เราเริ่มจาก หากเจอรถที่สวยราคาดี แต่กลัวเสียโอกาสการเป็นเจ้าของ ให้เรามัดจำไว้เพียงเล็กน้อยตามแต่ตกลงกันทั้ง 2 ฝ่าย พร้อมระบุในสัญญามัดจำให้ระเอียด ว่าหากรถคันดังกล่าวอยู่ในสถานะตรวจสอบสภาพจากกรมขนส่ง และแจ้งโอนย้ายไม่ผ่าน ด้วยเหตุใดก็ตาม ในวันที่ผู้ซื้อทำการโอนแจ้งย้ายและรับรถ ผู้รับเงินมัดจำต้องคืนเงินมัดจำตามจำนวนที่รับไป พร้อมค่าเสียเวลาและค่าเดินทางอีก....ระบุเอาเอง (ข้อนี้ดูโหด แต่ความโหดๆ จะทำให้คนที่ขี้โกงเริ่มกลัว ให้สังเกตุสีหน้ากิริยาเขา จากนั้นจำเลขทะเบียน เลขเครื่อง เลขตัวถัง (ขูดมาเลยก็ดี) แล้วทำทีไปสถานที่รับต่อภาษีทะเบียน ให้เค้าตรวจสอบให้ (ที่ขนส่งชัวร์สุด) หากมีคดีเกี่ยวกับรถ หรือรถถูกอายัด จะทำการดังกล่าวไม่ได้เลย เช่น รถคันนี้เคยวิ่งราวทรัพย์โดยใช้รถยนต์เป็นพาหนะ แต่ส่วนใหญ่คดียาเสพติด รถมักติดอยู่ตาม สน.


3. เอกสารใดบ้าง ใช้ประกอบการซื้อ-ขาย และข้อควรระมัดระวัง
เอกสารที่ใช้ประกอบการซื้อ-ขาย
3.1 เล่มทะเบียนรถตัวจริง (และรถที่จะซื้อจะขาย เพื่อเข้ารับการตรวจสภาพ)
3.2 สำเนาบัตร ประจำตัวประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้าน เจ้าของรถ
3.3 แบบขอโอนขนส่ง (ไม่ต้องซื้อ ง่ายๆ โหลดในเน็ตได้เลย) ตั้งใจเขียน อย่าเขียนผิด และระบุผู้รับโอนให้ชัดเจน (คนซื้อ)3.4 หนังสือมอบอำนาจ พร้อม อากรแสตมป์  (กรณี มอบอำนาจให้ผู้อื่นทำธุรกรรมแทน เขียนระบุให้ชัดเจนด้วย ว่าทำแทนเรื่องใดบ้าง)
3.5 หนังสือสัญญาซื้อ-ขาย (เอาติดไว้หน่อย แต่ปกติแทบไม่ค่อยได้ใช้) แล้วเก็บไว้ก่อน อย่าทิ้งเด็ดขาด พร้อมเอกสารสำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน เจ้าของเดิม (เผื่ออนาคต เจอปัญหาอะไรจะได้แก้ไขได้)













ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น