วันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2556

่เทคนิคการเลือกแม็กมือสอง


องค์ประกอบหลักในการเลือกซื้อ ล้อแม็ก มือสอง
1. ขนาด , สเปค และความเหมาะสม กับรถของเรา
2. สภาพความสมบูรณ์ ของ ล้อแม็ก นั้นๆ
3. ราคา

1. ขนาด , สเปค และความเหมาะสม
ก่อนอื่นเราต้องทราบว่าล้อที่เราอยากได้นั้น มันถูกต้องและเหมาะสมกับรถของเรา มากน้อยแค่ไหน
? อย่าดูที่ความสวย หรือ ซื้อตามแฟชั่น แต่เพียงอย่างเดียว บางครั้งก็มาจบลงที่ ใช้แล้วมีปัญหา ก็ต้องขายทิ้ง เสียเงิน เสียทองเปล่า การที่เราจะทราบว่ารถของเรามีสเปค อย่างไร ?
- ที่คู่มือติดรถ
- สอบถามผู้รู้ , เพื่อนที่ใช้รุ่นนั้นๆ อยู่ ( แต่ต้องรู้จริงนะครับ ไม่งั้นก็หลงทาง เช่นเดียวกัน ) 



2. สภาพความสมบูรณ์
- ควรหลีกเลี่ยง ล้อแม็ก ที่มีรอย แตก ร้าว , ลมรั่ว , ซึม หรือ ดุ้ง, คด มาก จนไม่สามารถเยี่ยวยาได้
- การซื้อ ล้อแม็ก อย่ามองเพียงแค่ความสวยงาม ที่ตบแต่งมาแล้ว เช่น การปาดเงาหน้าหรือกลึงขอบ ให้เงาสวย จงระลึกถึงเสมอว่า ความหนาของ ล้อแม็ก วงนั้น ก็จะลดลงตามไปด้วย ทำให้ง่ายต่อการดุ้ง หรือ คด เมื่อเรานำไปใช้
เราควรดูที่ความเดิม ถึงจะเก่าหรือสกปรก เรายังสามารถนำมาขัดสี ฉวีวรรณ ให้สวยเท่าไรก็ได้ ตอนที่อยู่กับเรา จะเป็นการปลอดภัยต่อการขับขี่มากกว่า

- การดูว่าของแท้หรือของลอกเลียนแบบ ก็อาจยากหน่อย สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคย ซึ่งปัจจุบันการลอกเลียนแบบ ได้มีการพัฒนาหน้าตาออกมาเหมือนมาก จนบางครั้งยากที่จะแยกแยะออก ดังนั้นก่อนการซื้อโดยเฉพาะ ล้อแม็ก ที่มีราคาสูง เราอาจต้องทำการบ้านไปก่อนที่จะซื้อ ก็จะดี เช่น การดูและจดจำ ล้อแม็ก ของเพื่อนๆ ที่ใช้รุ่นนี้อยู่ , ดูรูป หรือข้อมูล จากเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง หรือนำภาพไปเปรียบเทียบ เป็นต้น
- การดูที่สำคัญอีกอย่างก็คือ หากเป็นไปได้ ไม่ควรมียางมาบดบัง จนทำให้เราไม่สามารถ มองเห็นสภาพของ ล้อแม็ก ทั่วทั้งวงได้ เพราะภายในส่วนที่มียางปิดอยู่ อาจมีบางสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ก็ได้ เช่น รอยรั่ว ร้าว แล้วนำสีโป๊วมาปิดทับไว้ 

3. ราคา
เรื่องราคา ก็คงขึ้นอยู่ปัจจัยหลายอย่าง เช่น ยี่ห้อ
, สภาพ และ ความนิยม แต่อย่างไรแล้ว อย่ามองเพียงแค่ราคาที่ถูกมากเกินความเป็นจริง นั่นอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกอะไรบางอย่าง
ข้อแนะนำที่จะได้ของดีราคาถูก

- ซื้อในสภาพเดิมๆ จะสกปรก มีคราบรอยเปอะเปื้อน คราบดิน คราบน้ำมัน เกาะติดอยู่แค่ไหน ก็ไม่มีปัญหา เราสามารถนำมาล้างหรือทำให้ดี หรือสวยขนาดไหนก็ได้ เมื่อตอนที่อยู่กับเรา ราคาก็อาจไม่สูง แต่ต้องดูสภาพตามที่บอกไปแล้วตอนต้น
- สภาพล้อมีริ้วรอย ขอบเป็นรอยครูด สีหลุดลอก มีขี้เกลือ บ้าง อันนี้ไม่ใช่ปัญหา ท่านสามารถ ต่อรองราคาให้ถูกลงได้อีก ซึ่งยังดีกว่าที่สวยตอนซื้อ แต่มามีปัญหาทีหลัง
- หากคนที่งบน้อย แต่อยากได้ล้อแม็ก ที่แข็งแรง ทนทาน ไม่พะวงเรื่องการชำรุดได้ง่าย ล้อแม็ก เดิมๆ ติดรถมาและเจ้าของนำไปเทรินหรือแลกเปลี่ยน ก็เป็นอีกทางเลือกที่ไม่เลวเลย



ล้อ ปัดเงา คืออะไร ?
เป็นเรื่องที่แปลกมาก ที่คนส่วนใหญ่ มักพูดติดปากของการที่จะนำ ล้อแม็ก ไปทำใหม่ว่า " ปัดเงา " ซึ่งจริงๆ แล้ว ชื่อที่เรียกก็คือความต้องการอยากทำให้ล้อเดิม ที่เก่า ออกมาใหม่นั่นเอง
แต่ในด้านของการทำหรือซ่อม จริงๆแล้ว มันเป็นคนละความหมายกัน ซึ่งก่อนที่ท่านจะนำล้อของท่านไปให้ร้านทำการซ่อมหรือทำให้ใหม่ดูดี เราลองมาเรียกให้ถูกต้องกันดีกว่า มิเช่นนั้น ล้อแม็ก ของท่าน อาจได้รับการทำที่ผิดหรือไม่ตรงกับความต้องการก็ได้
รูปแบบผิวพรรณ (
Appearance ) ของ ล้อแม็ก ที่ ผู้ผลิตล้อแม็ก ส่วนใหญ่ มักทำหรือผลิตออกมาสู่ท้องตลาด1งานปาดเงา
ลักษณะที่เห็น ด้านหน้าล้อหรือขอบล้อ จะดูเงางาม ( แต่ถ้าสังเกตุดูดีๆ หรือมองใกล้ๆ ผิวล้อจะยังมีเส้นเป็นชั้นๆ ) อันนี้เกิดมาจากกรรมวิธีของการกลึงผิวของล้อออกบางๆ ทำให้เห็นผิวที่แท้จริงของเนื้ออะลูมิเนียม หลังจากนั้นก็จะทำการพ่น แลคเกอร์ ทับเพื่อป้องกันการหมองหรือเป็นฝ้า แต่ที่เรามักพบปัญหาหลังจากการใช้ก็คือ คราบ ขี้เกลือ หรือจะเรียกอีกแบบว่า สนิมขาว มันก็คือ
Oxide นั้นเอง การเกิดขิ้นได้เนื่องจากการ เคลือบ แลคเกอร์ ไม่ดีพอ โดยเฉพาะจะเกิดตรงบริเวณขอบ, สันของก้าน หรือส่วนที่เป็นมุมคม เพราะจุดนี้คือจุดอ่อนที่จะทำให้มีอากาศกับน้ำแทรกเข้าไปทำปฏิกริยากับเนื้ออลูมิเนียม

2) ผิวแบบ ปัดเงา
ผิวของล้อจะมีลักษณะมันเงางามมาก มองสะท้อนได้ ดูคล้ายกระจกเงา หากมองดูจะไม่มีเส้นขนาดใหญ่ เหมือน การปาดเงา เพราะไม่ได้ใช้วิธีการกลึง แต่เขาจะทำด้วยกรรมวิธีของการขัดขึ้นเงา (
Buffing ) โดยปกติแล้วส่วนนี้มักจะทำกับบริเวณขอบล้อหรือ วงล้อ ( Rim ) มากกว่า ซึ่งสำหรับล้อดีมีชื่อเสียง เขาจะใช้วัสดุอลูมิเนียมอีกประเภทหนึ่งที่มีส่วนผสมแตกต่างไปกับเนื้อล้อแบบเดิมๆ หรือพูดง่ายๆ ก็มักพบกับ ล้อ2ชิ้น หรือ ล้อ3ชิ้น นั่นเอง

3)ผิวพ่นสีเต็มวง
คือการพ่นสีโดยทั่วล้อนั้นเอง ซึ่งก็มีสีหลายประเภทตามแต่ตลาดต้องการหรือลูกค้าเป็นผู้กำหนด เช่น สี ซิลเวอร์
, ขาว , ทอง , ดำ เป็นต้น

4) ผิว ล้อ ชุบโครเมียม
เป็นผิวล้อที่ผ่านกรรมวิธีการ ชุบโครเมี่ยม ซึ่งการทำวิธีนี้ผู้ผลิตจะต้องมีความรู้ความเข้าใจ และรวมไปถึงเครื่องมือ เครื่องจักรที่ดี มิเช่นนั้นอายุการใช้งานก็จะไม่ทนทาน ดังนั้นเราควรทำความเข้าใจ กับการเรียกผิวพรรณของ ล้อแม็ก เสียก่อน มิฉะนั้นเวลาเราไปสั่งซ่อมหรือ ซื้อล้อแม็ก ก็จะเกิดความสับสน ซึ่งแม้คนขายบางร้านก็ยังไม่เข้าใจเช่นเดียวกัน ก็อาจแนะนำเราอย่างผิดๆ ก็ได้


วันพฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2556

มือใหม่ หัดขับ


4.เรื่องควรรู้ ของมือใหม่ หัดขับ


ทุกวันนี้รถยนต์ที่เยอะขึ้นก็ทำให้การจราจรบนถนนวุ่นวายมากขึ้น ด้วยส่วนหนึ่งคือการมีมือใหม่ที่เยอะมากขึ้นบนถนน ทำให้ คนที่ใช้รถใช้ถนนในปัจจุบัน ล้วนแต่เต็มไปด้วยคนที่ไม่ค่อยรู้ หรือขับเป็นแต่ไม่เข้าใจ เพราะจะว่าไปโรงเรียนสอนขับรถที่เกลื่อนเมือง ก็เอาแค่ได้ใบขับขี่แล้วจบกัน ทั้งที่ความจริงการขับรถต้องมีอะไรมากกว่าแค่บัตร 1 ใบที่บอกว่าอนุญาตให้ขับรถได้

1.ไฟเลี้ยว  อาจจะไม่มีใครบอกว่าไฟเลี้ยวสำคัญมากแค่ไหน  แต่ความจริงแล้วไฟเลี้ยวถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากและมันช่วยอำนวยความปลอดภัยในการบอกทิศทางที่จะไป เช่นเดียวกับที่มันทำให้การจราจรคล่องตัวมากขึ้นด้วย ตามหลักแล้วควรเปิดไฟเลี้ยวก่อนทุกๆ 100 เมตร เช่นเดี่ยวกับตอนที่จะเปลี่ยนเลย

2.ไฟฉุกเฉิน ที่มาของไฟฉุกเฉินคือการที่เราส่งสัญญาณแสดงไฟเลี้ยวทั้งสองข้างพร้อมกันและคำว่าฉุกเฉินก็ย่อมหมายถึงว่ามีเรื่องที่ทำให้รถไม่สามารถขับเคลื่อนต่อได้ หรือเกิดอุบัติเหตุเท่านั้น หลายคนอาจจะเคยถูกสั่งสอนมาว่าให้เปิดไฟฉุกเฉินยามฝนตกด้วย หรือกระทั่งยามข้ามแยกไม่มีสัญญาณไฟ แต่ทั้งหมดล้วนเป็นแนวคิดที่ผิด เนื่องจากจะทำให้ผู้ขับขี่เกิดความสับสนและอาจจะนำไปสู่อุบัติเหตุได้ในที่สุด

3.เบรก..ใช้เมื่อหยุดเท่านั้น   ทุกวันนี้พฤติกรรมแปลกๆบนถนนมีมากมาย และเรื่องหนึ่งที่ดูจะไม่พูดถึงไม่ได้คือการใช้เบรกอย่างไม่ถูกต้อง อาจจะเป็นเร่องที่ยากที่จะบรรยายเกี่ยวกับการใช้เบรก แต่โดยปกติแล้วเบรกจะถูกใช้ 2 กรณี คือชะลอความเร็วและหยุดรถ แต่ด้วยความเข้าใจในเรื่องการชะลอความเร็วนี่เอง ทำให้มือใหม่หลายคนขับรถ โดยแตะเบรกแทบตลอดเวลาทำให้เกิดความเข้าใจผิดแก่ผู้ขับขี่คนอื่น เนื่องจากเวลาเบรกไฟเบรกทางด้านหลังก็จะติดด้วย เช่นเดียวกับการการทำให้เกิดการสึกหรอมากกว่าที่ควรจะเป็นเพียงเพราต้องการรักษาความเร็ว
                ทางแก้ของปัญหานี้คือต้องหัดในการควบคุมคันเร่ง ซึ่งโรงเรียนสอนขับรถส่วนใหญ่ไม่ได้สอนเรื่องนี้มาด้วย แต่หากวันนี้ใครเป็นคนที่ขับรถแล้วติดต้องใช้เบรก ลองเริ่มต้นด้วยการผ่อนคันเร่งก่อน แล้วกลับค่อยๆ เหยียบไปให้น้ำหนักตามความเร็วที่ต้องการดู น่าจะดีกว่า แม้อาจจะไม่ชินในช่วงแรกแต่ท้ายที่สุดเมื่อเข้าใจในการทำงานก็จะรู้ว่าเบรกไม่ใช่ทุกสิ่งที่สามารถชะลอความเร็วได

4.แตรใช้ได้.. เราส่วนใหญ่ไม่ค่อยบีบแตร กันก็ไม่เข้าใจว่าด้วยเหตุอันใด แต่ความจริงของการใช้รถในภาคสากล แตรคือสัญญาณเตือน ไม่ใช่การยกไฟสูงใส่ ซึ่งด้วยนิสัยคนไทยขี้เกรงใจ จึงมักถูกสอนว่า ไม่ให้ใช้แตร ทั้งที่จริงมีเพียงไม่กี่ที่ ที่ห้ามใช้ได้แก่ สถานศึกษา วัด และโรงพยาบาล ส่วนที่อื่นไม่ได้ห้ามอย่างชัดเจน  ดังนั้นหากพบปัญหาที่อาจจะนำมาซึ่งอุบัติเหตุสิ่งที่ควรทำคือการบีบแตร เพื่อเตือนเพื่อนร่วมทาง

         ทั้งหมดที่กล่าวมานี้อาจจะเรียกว่าเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการขับขี่อย่างปลอดภัยบนท้องถนนที่เต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา แม้ถนนกับมือใหม่หัดขับอาจจะเป็นสิ่งที่ไม่คือกันแต่ด้วยประสบการณ์ในการขับขี่มันก็จะสอนให้รู้ว่าการขับรถที่ถูกต้องอาจจะไม่ใช่เหมือนที่โรงเรียนสอนขับรถแนะนำเสมอไป















วันพุธที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2556

การเลือกซื้อรถมือสอง


การเลือกซื้อรถ
1. ดูลักษณะการใช้งาน เพื่อเลือกประเภทรถที่จะซื้อ
2 ตั้งงบประมาณ
3. เช็คราคารถ โดยเลือกรถจากองค์ประกอบของ 1 และ 2
4. ศึกษาข้อมูลต่างๆของรถรุ่นนั้นๆ เพื่อที่จะได้ตัดสินใจในการซื้อ ทั้งเรื่องการดูแลรักษา อะไหล่ อัตราการสิ้นเปลือง
5. หาแหล่งที่จะซื้อรถ ซึ่งมีทั้งรถบ้าน และรถเต็นท์ โดยดูทั้งจากสื่อต่างๆ สิ่งพิมพ์ อินเตอร์เน็ต
6. ศึกษาวิธีการดูรถ หรือถ้าจะไปดูรถควรให้ผู้ชำนาญไปช่วยดู
7. เช็คเอกสารต่าง ๆ ให้พร้อมที่จะทำการโอนกรรมสิทธิ์


10 วิธีง่ายๆ ดูรถมือสองก่อนจะซื้อ
1. ส่วนภายในด้านหน้าและระบบไฟฟ้า เมื่อเราได้ลองนั่งที่นั่งคนขับ ทุกส่วนที่อยู่ในแผง Console เราต้องตรวจสอบว่าทุกอย่างสามารถทำงานได้ดีหรือไม่
2.
ส่วนภายในด้านหลังและระบบการทำงาน ส่วนใหญ่บริเวณนี้ก็คงต้องตรวจสอบสภาพเบาะภายใน อุปกรณ์ที่มีอยู่ด้านหลัง
3.
ตรวจสอบตัวถังรถ สำหรับบางท่านที่ไม่คุ้นเคยอาจจะยากสักหน่อย แต่เคล็ดลับง่าย ๆ หาเพื่อนที่ใช้รถ รุ่นที่เราหมายตาไว้ ให้ช่วยดูให้ ด้วยความคุ้นเคยเพื่อนจะสามารถบอกเราได้ถึงร่องรอยที่ผิดปกติ แต่ถ้าหาคนรู้จักไม่ได้ ก็คงต้องอาศัยผู้ขายที่มีมาตรฐานไว้ใจได้เท่านั้น
4.
เปิดฝากระโปรงหน้า คราวนี้ดูจะยากขึ้นไปอีกขั้น แต่เบื้องต้นดูง่าย ๆ ว่ามีคราบน้ำมันรั่วซึมอยู่หรือไม่ ที่ชี้ให้คุณรู้ว่าคุณกำลังซื้อรถมาขับ หรือซื้อมาซ่อม ถ้าจะให้ดีหาคนที่มีความรู้ไปช่วยจะดีกว่ามาก
5.
ยกรถขึ้น ขั้นตอนนี้ต้องใช้เครื่องมือเข้าช่วย แต่ถึงอย่างไรก็สำคัญมากที่สุด ต้องตรวจดูทุกจุดที่อยู่ใต้ท้อง เพราะนั่นหมายถึงชีวิตและทรัพย์สินของคุณทีเดียว
6.
เดินเครื่องยนต์ สำรวจฟังเสียงรบกวน ลองหมุนพวงมาลัยดูราบลื่นดีหรือไม่ ฟังเสียงที่เกิดขึ้น ช่วงนี้ตรวจสอบระบบเกียร์ดูว่าผิดปกติหรือไม่ เพราะเป็นระบบที่เสียค่าใช้จ่ายสูงมากหากเกิดเสียขึ้นมา
7.
ประตูหลัง ท้ายรถ ตรวจการทำงาน ดูอุปกรณ์ประจำรถ จุดนี้สามารถดูได้ว่ารถเคยถูกชนหลังหรือไม่ และอุปกรณ์ทำงานได้อย่างดีหรือเปล่า
8.
ขับทดสอบ คงเป็นไปได้ยากถ้าคุณจะต้องตัดสินใจซื้อรถโดยไม่ทำการทดสอบเสียก่อน การขับทดสอบก็เพื่อดูระบบเกียร์ ระดับเสียงรบกวน ระบบเบรก ล้อและช่วงล่าง รวมทั้งการทำงานของหน้าปัดบอกความเร็วและระยะทาง
9.
หลังลองขับ แล้วกลับมาดูใต้ท้องใหม่อีกครั้ง ว่ามีรอยรั่วซึม หรือชำรุดที่ใต้ท้องหรือไม่
10.
ขาดไม่ได้เลย   คือเอกสาร คู่มือผู้ใช้ สมุดทะเบียน การตรวจสอบประวัติบริการ กุญแจ รีโมท
ข้อควรระวังเกี่ยวกับเรื่องเอกสารการซื้อ-ขาย รถยนต์มือสอง


1. ขั้นตอนการตรวจสอบประวัติรถยนต์เบื้องต้น
การตรวจสอบประวัติรถยนต์มือสองเบื้องต้นนั้น แบบง่ายๆ และไม่ต้องไปจ้างใครให้เข้ามาตรวจสอบให้เสียเงินเสียทอง เริ่มต้นง่ายๆ เมื่อเราเจอรถที่หมายปอง คาดว่าจะซื้อไว้ใช้ หรือไว้ขายก็ตาม ให้เราตรวจสอบเลขตัวถัง และเลขเครื่องยนต์ ว่าตรงในเล่มทะเบียนที่ขนส่งออกหรือเปล่า ตรวจสอบยี่ห้อและรุ่นรถ ชื่อผู้ครอบครองว่าเป็นคนเดียวกันกับในเล่มทะเบียนหรือเปล่า พร้อมขอดูบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริง ตรวจสอบหมายเลขทะเบียนรถยนต์ว่าตรงเล่มหรือเปล่า ตรวจดูสภาพเล่มทะเบียนและเอกสารการขอเล่มใหม่มามั๊ย และตรวจสอบลำดับผู้ครอบครองครั้งแรกว่าชื่ออะไร หากเป็นไฟแนนซ์ครอบครองให้ดูวันที่ลงระบุในเล่ม เพื่อจะได้ทราบชัดเจนในเรื่องการลากทะเบียนป้ายแดงมานานแค่ไหนจะได้รู้อายุรถอย่างแท้จริง ตรวจสอบข้อมูลการต่อทะเบียนเสียภาษีด้านหลังเล่มทะเบียน พร้อมเทียบเคียงป้ายวงกลมด้านหน้ารถว่าใช่ยี่ห้อทะเบียน วันต่อ นั้นๆ จริงไหม แล้วลองมองดูป้ายทะเบียนหน้ารถและท้ายรถ ว่ามีสัญญลัษณ์ "ขส" ที่มุมขวาล่างหรือเปล่า สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ล้วนเป็นการตรวจสอบทั่วไปเบื้องต้นที่ทุกๆ ท่านควรทราบและควรทำก่อนการตัดสินใจซื้อการตรวจ บุ๊ค เซอร์วิส ก็สำคัญระดับนึง หากรถคันดังกล่าวเป็นมือเดียว และอายุการใช้งานน้อยๆ อยู่ที่ 2-3 ปี ควรตรวจอย่างยิ่ง เพราะไม่มีเหตุผลใดเลย ที่เจ้าของจะไม่เอาเข้าศูนย์เพื่อรับบริการด้านการรับประกันในระยะที่กำหนด พร้อมสอบถามเจ้าของเก่า ว่าศูนย์ที่เอาเข้าบ่อยๆ ช่วงออกรถแรกๆ คือที่ใด และศูนย์ที่เอาเข้าตรวจสอบล่าสุด ที่ได้ แล้วคุณลองยกโทรศัพท์โทรเช็คเลย แล้วดูสิว่าข้อมูลเรื่องระยะทางตรงกันมั๊ย ข้อมูลรับประกันหมดหรือยัง แต่ต้องแจ้งทะเบียนรถด้วยนะ ลองเปรียบเทียบดู ไม่ใช่รถวิ่ง 50
,000 โลแต่เข้าศูนย์ครั้งล่าสุดที่ 98,000 โล อันนี้ขัดแย้ง แถมยังใกล้ตรวจสภาพ 100,000 โล ดังนั้นมันจะทำให้คุณ Set รถผิดระบบที่ควรเป็น แทนที่จะถึงคราวต้องเปลี่ยนสายพาน ทามมิ่ง กลับเห็นกิโลว่ายังไม่ถึง ทำให้คุณๆ หลายท่าน ต้องตะแบงใช้รถไปเรื่อยๆ จนเกิดความเสียหายของเครื่องยนต์

2. ตรวจสอบรถเรื่องคดีความเบื้องต้น
          ข้อนี้ หลายคนคงคิดว่าคงต้องจ้าง หรือให้ผู้มีเส้นสายตรวจสอบให้ ในเบื้องต้นนั้น ให้เราเริ่มจาก หากเจอรถที่สวยราคาดี แต่กลัวเสียโอกาสการเป็นเจ้าของ ให้เรามัดจำไว้เพียงเล็กน้อยตามแต่ตกลงกันทั้ง 2 ฝ่าย พร้อมระบุในสัญญามัดจำให้ระเอียด ว่าหากรถคันดังกล่าวอยู่ในสถานะตรวจสอบสภาพจากกรมขนส่ง และแจ้งโอนย้ายไม่ผ่าน ด้วยเหตุใดก็ตาม ในวันที่ผู้ซื้อทำการโอนแจ้งย้ายและรับรถ ผู้รับเงินมัดจำต้องคืนเงินมัดจำตามจำนวนที่รับไป พร้อมค่าเสียเวลาและค่าเดินทางอีก....ระบุเอาเอง (ข้อนี้ดูโหด แต่ความโหดๆ จะทำให้คนที่ขี้โกงเริ่มกลัว ให้สังเกตุสีหน้ากิริยาเขา จากนั้นจำเลขทะเบียน เลขเครื่อง เลขตัวถัง (ขูดมาเลยก็ดี) แล้วทำทีไปสถานที่รับต่อภาษีทะเบียน ให้เค้าตรวจสอบให้ (ที่ขนส่งชัวร์สุด) หากมีคดีเกี่ยวกับรถ หรือรถถูกอายัด จะทำการดังกล่าวไม่ได้เลย เช่น รถคันนี้เคยวิ่งราวทรัพย์โดยใช้รถยนต์เป็นพาหนะ แต่ส่วนใหญ่คดียาเสพติด รถมักติดอยู่ตาม สน.


3. เอกสารใดบ้าง ใช้ประกอบการซื้อ-ขาย และข้อควรระมัดระวัง
เอกสารที่ใช้ประกอบการซื้อ-ขาย
3.1 เล่มทะเบียนรถตัวจริง (และรถที่จะซื้อจะขาย เพื่อเข้ารับการตรวจสภาพ)
3.2 สำเนาบัตร ประจำตัวประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้าน เจ้าของรถ
3.3 แบบขอโอนขนส่ง (ไม่ต้องซื้อ ง่ายๆ โหลดในเน็ตได้เลย) ตั้งใจเขียน อย่าเขียนผิด และระบุผู้รับโอนให้ชัดเจน (คนซื้อ)3.4 หนังสือมอบอำนาจ พร้อม อากรแสตมป์  (กรณี มอบอำนาจให้ผู้อื่นทำธุรกรรมแทน เขียนระบุให้ชัดเจนด้วย ว่าทำแทนเรื่องใดบ้าง)
3.5 หนังสือสัญญาซื้อ-ขาย (เอาติดไว้หน่อย แต่ปกติแทบไม่ค่อยได้ใช้) แล้วเก็บไว้ก่อน อย่าทิ้งเด็ดขาด พร้อมเอกสารสำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน เจ้าของเดิม (เผื่ออนาคต เจอปัญหาอะไรจะได้แก้ไขได้)